วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สะพายกล้องท่องภาคกลางครั้งที่ 4



สะพายกล้องท่องภาคกลางครั้งที่ 4 Back to the jungle

ครั้งนี้เเป็นครั้งที่3 ที่ได้ไปถ่ายรูปกับ TSD emagazineโดยการสนับสนุนจาก ททท.
ต้องยอมรับว่า เป็นครั้งที่โหด และทุลักทุเลมากเนื่องจากเข้าป่า มุดถ้ำ ข้ามน้ำตก

วันแรกถ่ายรูปได้ไม่ถึง 30 รูป ฝนก็ตกอย่างหนัก แถมเจ้าหน้าที่อุทยานข้างบน วอลงมาว่าให้ รีปออกจากเส้นทางน้ำ เนื่องจากน้ำป่าเริ่มมา

ก่อนไปถ่ายรูปทริปนี้ลังเลใจเป็นอย่างมากว่าจะเป็นภาระเพื่อนๆ ร่วมทริปหรือไม่ตัดสินใจว่าจะไม่ไปอยู่เหมือนกัน

แต่ก็อย่างว่า เคยนอนพังพาบอยู่ในโรงพยาบาลตอนแพ้ยาขาเดี่ยงไม่มีแรงเดินไปไหนไม่ได้ ดูแต่หนังสือ เอ็กโพเลอ กับ อสท. อยู่บนเตียง เกือบสองเดือน

วันนั้นบอกกับตัวเองว่า ถ้าออกไปจากโรงพยาบาลแล้วเดินเหินได้ดีเมื่อไหร กรูจะไปไหนไปกันไม่ต้องหวาดหวั่นอะไรอีกแล้ว

ทริปนี่ก็การยืนยันได้ว่าอย่างน้อยเราก็ได้ข้ามข้อกังขานั้นมาแล้ว

การถ่ายรูปมีทุกรสชาด หลังจากนั้นก็มีแต่รสหวาน


ขอขอบคุณทีมงาน TSD e magazine ที่น่ารักทุกคน


ด้วยรัก


นิโรจน์ ศรีประสิทธิ์

ชมภาพถ่ายชุดนี้ได้ที่ http://picasaweb.google.com/nirotsr/BackToTheJungle#5397255358964098162

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำบุญ ไหว้พระ ชมภาพเขียนประวัติศาสตร์ ที่วัดเขาจันทน์งาม

The History Picture @ Kho Jan Ngam
ทำบุญ ไหว้พระ ชมภาพเขียนประวัติศาสตร์ ที่วัดเขาจันทน์งาม

"วัดเขาจันทน์งาม" อยู่ในอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ใกล้กับโรงงานที่ผมและแก็งค์ร่อยหลอทำงานอยู่ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา(6 กันยายน 2552) พวกเราไปทำบุญไหว้พระกันที่วัดนี้ที่ปากทางเขาวัดมีข้อความเชิญให้เข้ามาชมภาพเขียนประวัติศาสตร์อายุเก่า กว่า 4000 ปี อันที่จริงผมได้เห็นและได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเข้าไปวัดนี้สักครั้ง

"ใกล้เกลือกินด่าง" ไม่อยากให้ใครมาพูดกับเราอย่างนี้ และผมก็ไม่อยากไปเที่ยวถามกับใครๆที่ไปวัดนี้ ว่ามันเป็นอย่างไรด้วย อยู่ใกล้แค่เพียงลัดนิ้วมือเอง จัดไป 1 ทริป "ทำบุญ ไหว้พระ ชมภาพเขียนประวัติศาสตร์ ที่วัดเขาจันทน์งาม"พวกเรา 9 คนไปถึงที่วัด 9 โมงกว่า ๆ ถึงวัดก็จัดแจงทำบุญกันก่อนอื่นเลย ถวายของพระ รับศีล กรวดน้ำเสร็จสรรพ จากนั้นก็เดินทัวร์ วัดเขาจันทน์งามกันละ

ภาพโดยรวมของวัด สงบร่มรื่น เนื่องจากส่วนหนึ่งวัดตั้งอยู่ห่างจากชุมชนเข้า มาข้างในติดป่า ประมาณ 4 กม. จะเรียกว่าวัดป่าก็สามารถเรียกได้
ก่อนเดินทางเข้าไปชมภาพเขียนประวัติศาสตร์ เห็นพระเดินกลับกุฏิวัด ก็เลยขอก่อน 1 รูปกันเหนียว ก็โอเค เดินหาซับเจคต่อไป
ที่นี่มีเราจะพบหินทราย ขนาดใหญ่ แปลกๆ เยอะมาก สำหรับใครที่เคยไปเที่ยวที่ชัยภูมิที่ ป่าหินงาม ที่นี่หินก็จะมีลักษณะคล้ายๆกันเส้นทางที่เราเดินไปชมภาพเขียน ก็ร่มรื่นดีทางเดินเท้าสะดวก ไม่ถึงกับต้องผจญภัยอะไรนัก ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูป กันตามประสา ฮาเฮ ของคนร่วมแก็งค์

สักครู่พวกเราก็มาถึงตรงบริเวณ เพิงหินทราย ที่เป็นภาพเขียนประวัติศาสตร์ ที่ว่ากันว่ามีอายุ กว่า 4000 ปี ข้อมูลนี้จากการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2526 ของกองโบราณคดี เป็นภาพเขียนด้วยสีแดงจากดินแดง เป็นเรื่องเล่ากิจกรรม ของคนสมัยนั้นประกอบไปด้วยภาพมนุษย์ 32 ภาพ เป็นผู้ชาย 28 ภาพ ผู้หญิง 2 ภาพ เด็ก 1 ภาพ ภาพสัตว์คือไก่หรือนก สัตร์คล้ายเม่น เสือและสิงห์โต ภาพสุนัข และภาพอาวุธ คือคันธนูและลูกศร ข้อมูลนี้ไม่ได้วิเคราะห์กันเอง เป็นข้อมูลมาจากป้ายที่ระบุไว้ บริเวณตรงนี้ก็มีพระพุทธรูปให้พวกเรากราบไหว้กันด้วย

เดินมาอีกสักพักก่อนขึ้นไปชมรอยพระพุทธบาท จำลอง 4รอย ก็มาพบกับลานสำหรับนั้งปฏิบัติธรรม ตรงนี้มีพระนอนแกะสลักนูนสูง และทาสีทับสีสดมาก จากนั้นหวกเรานั้งพัก ถ่ายรูป กันพอเป็นหลักฐานว่ามาถึงที่นี่

สำหรับถ้าใครอยากมาที่วัดแห่งนี้และมาชมภาพยุคก่อนประวัติศาสตร์ ถ้ามาจากกรุงเทพ ผ่านเขื่อนลำตะคองมาได้ 10 กิโลเมตร เลยโรงเรียนบ้านเลิศสวัสดิ์ให้ชิดขวา กลับรถก่อนถึงปั๊มน้ำมัน ป.ต.ท. ฝั่งขวามือ ปากทางมีร้านขายของพวกหินแกะสลักหรือมาถึงอำเภอสีคิ้ว ถามคนพื้นที่ดูก็ได้ครับทางเข้าอยู่ติดถนนมิตรภาพ

ชมภาพชุดนี้ได้ที่นี่นะครับ http://picasaweb.google.com/nirotsr/TheHistoryPictureKhoJanNgam

The History Picture @ Kho Jan Ngam
Nakhon Ratchasima 2009 SeptemberWeb a Photo & story about Gimlung : http://gimlung.blogspot.com/
Photo & Story : Nirot Sriprasit, nirots@cppcnet.com, nirots@hotmail.com
ด้วยรักนิโรจน์ ศรีประสิทธิ์

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กุญเจย่อเส้นทางในโปรแกรม Photoshop

กุญเจย่อเส้นทางในโปรแกรม Photoshop

ใครที่ใช้โปรแกรม Photoshop ตรงนี้เป็นประโยชน์มากเลย ปุ่มต่างๆบนคีย์บอร์ด สามารถรย่นย่อเวลาในการทำงานได้บางปุ่ม ก็เป็นเพิ่มประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์

สวนถ้าใครรู้แล้วก็ฝึกใช้ให้เก่งละกัน (กระบี่ไม่ได้ชัก ออกจากฝักระวังสนิมรับประทานละ!!!)

1. กดปุ่ม Tab จะซ่อนแถบเครื่องมือทั้งหมดทั้งหน้าเลย ในกรณีที่ต้องการใช้พื้นที่ของจอภาพ
2. แต่ถ้ากด Shift+Tab จะซ่อนแค่กล่องแพลเลทเล็กๆ
3. กดดับเบิลคลิกบน Title ของโปรแกรมหรือแถบเครื่องมือ จะซ่อน / ย่อให้เล็กลง
4. ปุ่ม Cancel ทั้งหมดในโปรแกรมจะกลายเป้น Reset ทันที ที่กดปุ่ม Alt ค้าง
5. กดปุ่ม F (ด) จะเปลี่ยนโหมดการทำงานสามรูปแบบ (เป็นไงต้องลอง)
6. กด Shift ค้างไว้ด้วย เวลาจะวาดเส้นตรง
7. กด Ctrl + Alt + ลากรูป จะก้อปปี้รูปนั้นขึ้นมาอีก Laye นึง
8. กด Ctrl ค้าง จะเปลี่ยนโหมดเม้าส์ให้เป็น Move Tool ในขณะที่เราใช้เครื่องมืออื่นอยู่
9. ในขณะเดียวกัน ถ้ากด Spacebar ค้างไว้จะเปลี่ยนเป็น Hand Tool
10. Ctrl+ Alt + Z และ Ctrl + Shift+ Z ไว้ใช้แทน Undo กับ Redo ได้รวดเร็วกว่า
11. Free Transform (Ctrl + T) กด Alt เพื่อ ย่อหรือขยาย รูปจะย่อ / ขยายจากจุดศูนย์กลาง
12. กด Shift ค้างเวลาย่อ / ขยายรูป จะช่วยให้สัดส่วนเท่าเดิม
13. Ctrl + Shift + T เพื่อทำซ้ำ(ย่อ / ขยาย) ที่เคยทำครั้งล่าสุด
14. Ctrl + J จะก้อปรูปขึ้นมาอีก Layer
15. Ctrl + Shift + E รวม Layer ทั้งหมดให้เป็นรูปเดียว แต่ถ้า Ctrl + Shift + Alt+ E สร้างก้อปปี้ขึ้นมาอีก 1 Layer
16. เวลาใช้ Marquee Tool ถ้ากด Alt ค้างไว้จุดแรกที่วางจะเป็นจุดศูนย์กลาง
17. กด Ctrl + D เพื่อ เอา selection ออก และนำ selection กลับมาโดยกด Ctrl+Shift+D
18. กดShift และปุ่ม +/- ไปด้วยจะเป็นการเปลี่ยนโหมดรูป ( เช่น Softlight.. Overlay )
19. เปลี่ยน Opacity% ของ Brush เพียงกดตัวเลข เมื่ออยู่ในโหมด Brush
20. กด Alt +รูปตาของ Layer หนึ่ง จะเป็นการซ่อนLayer อื่น นอกจาก Layer ที่เรากด
21. เวลาเปิดรูปหลายๆรูป กด Ctrl + Tab เพื่อสลับรูปไปมา
22. เปลี่ยนขนาดหัวบรัชให้เล็ก หรือใหญ่ โดยกด ปุ่ม [ ]
23. เลื่อน Layer ขึ้นลงในกล่อง Layer ง่ายๆด้วย Ctrl + [ ]
24. กด X เพื่อสลับสีในกล่องสี Foreground / Blacbground
25. กด D จะทำให้สีในกล่องสี กลายเป็นขาวดำ
26. อยู่ที่ Type Tool หรือพิมพ์ตัวอักษร กด Ctrl+ < หรือ > เพื่อเปลี่ยนขนาดตัวอักษร
27. เวลา เลือกเครื่องมือ กดปุ่ม Alt ค้าง เพื่อเลือกเครื่องมือที่ซ่อนอยู่ในชุดเดียวกัน
28. กด Ctrl ค้าง พร้อมคลิกในช่อง layer Thumbnail ของ Layer จะเป็นการทำ Selection ยกเว้น Layer ที่ถูก Lock
29. กด Ctrl+ F เพื่อทำ Filter ล่าสุดซ้ำ
30. ถ้าจะสร้างสี่เหลี่ยมจตุรัส หรือวงกลมให้ กด Shift ค้างไว้เสมอ (ใช้ได้ทั้งSelection,crop,และshape)
31. กด Shift ค้างเวลาหมุนรูป จะได้มุมทีละ 45 องศา
32 ที่เครื่องมือ Brush อยู่ เปิดกล่อง Brush ขึ้นมาง่ายๆโดยคลิกขวา

ยังมีเส้นทางลัดใน โปรแกรมนี้อีกมาก หากใครรู้มากกว่านี้ จะเอามาแชร์กันก็ดีเลยละ การเรียนรู้จากผู้อื่นทำให้ไม่ต้องมาลองผิดลองถูก ไม่เสียเวลา และสามารถ ต่อยอดได้ดีอีกด้วย

ด้วยรัก
นิโรจน์ ศรีประสิทธิ์

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทำไมต้องแต่งภาพ

ทำไมต้องแต่งภาพ
ต้องออกตัวก่อนว่านี่เป็นเพียง หนึ่งความคิดเห็นที่ออกจาก กบาลของผู้เขียนเอง เนื่องจากโดยปัจเจกแล้วในเรื่องนี้มีความเห็นแตกต่างกันอยู่
ส่วนตัวแล้วเป็นคนหนึ่งที่ถ่ายภาพแล้ว พอกลับมาถึงบ้านก็จะมาทำให้ภาพดูดีกว่าเก่าโดยโปรแกรมแต่งภาพอย่าง Photoshop ( ก็เรียกว่าแต่งภาพนั่นแหละเฮียไม่ต้องอ้อม !!! )

อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็มีที่มาอยู่เหมือนกัน ต้องแบล็คทูเดอะฟิวเจอร์หน่อยนึง
ก่อนที่จะมาใช้กล้อง DSLR ผมก็เคยจับกล้องฟิล์ม สมัยเรียนมีเรียนโฟโต้ 1 ปี ตอนอยู่ปี 1
เวลาไปถ่ายรูปใช้กล้องที่ใช้ฟิล์มๆ ม้วนหนึ่ง มี 36 รูปถ่ายหมดม้วนไปล้างอัด ก็ต้องล้างอัดทั้ง 36 รูป ก็เปลืองตังส์มาก แล้วทั้ง 36 รูปมาคัดรูปที่พอใช้ได้ เหลือ 5 รูปก็นับว่าโอ ! แล้ว
และ 5 รูปที่ได้ ก็ใช่ว่าจะสวยสุดซึ้งเริดสะแมนแตน ตามที่เราอยากได้ซะเมื่อไหร่ แล้วทำไงดี ติ๊กตอกๆ ต้องคิด ห้องมืดช่วยได้สมัยนั้นห้องมืดอย่างเดียว โอถ้าพูดถึงห้องมืด แล้วมันมืดตื้อจริงๆ
เงินล้างอัดรูปยังทำให้หนังหุ้มกระดูกแก้มตอบเลย
นับประสากับห้องมืด ก็สงกะสัยเหงือกแห้งแน่ๆ สรุปได้ความว่าไม่มีปัญญา " ห้องมืด" ฉะนั้นเวลาออกไปถ่ายภาพก็ต้องละเมียดละมัยหน่อย ถ่ายให้ดีที่สุด เลือกภาพที่คิดว่าดี เก็บไว้ ชอบหรือโดนจริงๆค่อย อัดขยายมาแปะฝาบ้าน เท่าเนี้ยะจริงๆสมัยนั้น

มาสมัยนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไป ดิจิตอลมาแล้ว แอน แอ็น แอ๊น !!! อะนาล็อกก็ต้องพิจารณาตัวเองถูกมั้ย เป็นกฎของไตรลักษณ์นั้นเอง การถ่ายภาพก็เปลี่ยนไป
การได้จับกล้องดิจิตอล ถ่ายภาพอะไรมันก็ดูสะดวดไปหมด ไม่ต้องเปลืองฟิล์ม ถ่ายแล้วดูได้เลย ดีไม่ดีตูได้ที่หลังกล้องเลย ไม่ชอบลบท้ง ถ่ายใหม่ มุมไหนชอบก็ถ่ายหลายๆใบมาเลือกได้ ไม่กลัวเปลือง ปรับแสงได้ ลูกเล่นมีเยอะ
ดูเหมือนว่าจะดีไปหมดนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ ไม่มีอะไรที่สามารถตอบสนองความต้องการของ "คน" ได้ ฮะฮ่าๆ จบกัน คน ไม่มีที่สินสุด (ไม่รู้จักพอ)

ดังนั้นกล้อง DSLR ตัวแพงที่สุด เลนส์ดีที่สุด และอีกหลายประการทั้งปวงที่ดีที่สุด จึงไม่สามารถตอบสนอง ความพึงพอใจของมนุษย์ ขอยกตัวอย่างเช่น : -

ผมได้ไปฝึกถ่ายภาพบุคคล ( Portrait ) อุปกรณ์ที่ใช้ Body : Nikon D90 Lean : Nikon AF-S DX VR 18-105 f/3.5-5.6G ED มีอยู่เท่าเนี้ยะ
วันที่ถ่ายสถาพแสงน้อยมาก ฝนกำลังจะตก ถึงจะมีแผ่นสะท้อนแสง (Reflex) ก็ไม่ค่อยช่วย อีกอย่างช่างกล้องรุมถ่ายน้องนางแบบเยอะมาก ภาพที่ผมถ่ายได้ประมาณนี้
ดูไปดูมาไม่ค่อยพอใจนัก นห้าน้องเค้าไม่ค่อยเนียนนะ ใช้ Photoshop จัดการเลย (อันนี้ขอบอกว่าต้องใช้ โปรแกรมเป็นด้วยนะ) ทำให้ดูนุ่มนวลนิดนึงๆ พอน่อมแน้ม

ผมได้ไปภาพบอลลูนในงาน Thailandballoonfestival ครั้งที่2 อุปกรณ์ที่ใช้ก็ชุดเดิม สภาพอากาศวันที่ถ่าย แสงดี บรรยากาศกำลังสนุก บอลลูนกำลังจะถูกปล่อย ภาพที่ถ่าย เปลวไฟกำลังพรวยพุ้ง จากการเผาของหัวแก๊ส โอ้ สวยแฮะมุมนี้ กดเลยละกัน แชะ แชะ แชะ อ้าว บอลลูนลอยไปแล้ว ภาพที่ยังได้ยังไม่แต่ง เป็นอย่างนี้


สวยมั้ย ไม่คอยสวยเลย ถ่ายใหม่ได้มั้ย ไม่ได้แล้ว บอลลูนไปแล้ว ต้องรอปีหน้าชอบภาพนี้ใช่มั้ย ก็ต้องใช้ Photoshop ช่วยอีกแล้ว แท่น แท้น แท๊นก็ได้ภาพนี้



อีกคราหนึ่งผมได้ไปถ่ายภาพน้ำตกเจ็ดคต ที่ศูนย์ ศึกษาธรรมชาติ เจ็ดคต-โป่งก่อนเส้า สภาพอากาศวันที่ถ่ายอากาศขมุกขมัว ฝนตก หยิมๆ เดินเข้าไปถึงน้ำตก น้ำไม่มากนักสถาพแสงวันนั้น
ต้องบอกว่าช่างภาพบางคนใช้คำว่าฟ้าเน่า ถ่ายรูปน้ำตก ออกมาหลายมุม ถ่ายเอาสนุกมาถึงที่แล้วนี่ รูปออกมาแบบว่าถ้าไม่ Photoshop ช่วยไม่กล้าโชว์เป็นอย่างนี้


ใช้ Photoshop แล้วเป็นอย้างนี้



นี่เป็นตัวอย่างสนับสนุนว่าทำไมถ่ายรูปมาแล้วต้องมาใช้ Photoshop แต่งช่วย ส่วนใครจะแต่งน้อย-มากขึ้นอยู่กับความพึงพอใจเป็นหลัก
สำหรับผมแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าใช้ Photoshop เป็นไม่ถึงกับเก่ง ก็เลยใช้แก้ไขจุดบกพร่องของภาพมาก-น้อยตามคุณภาพของภาพที่ถ่ายได้มา
แต่ไม่ถึงกับ ตัดต่อเอารูปหนึ่งมาใส่รูปสอง รูปสองผสมรูป สามอะไรทำนองนั้น เรียกว่า Adjustment มากกว่า Edit


เจตนาเพียงบอกว่าผมเอง ใช้ Photoshop แต่งภาพ ภาพที่แต่งดูดีกว่าไม่แต่ง จากปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ ก็ยังจำเป็นต้องใช้ Photoshop แต่งภาพฉะนั้นอย่ามาถามผมว่าภาพที่ถ่ายแต่งมั้ย
แต่งไปเถอะถ้าแต่งแล้วสวยกว่าเก่า
ด้วยรัก
นิโรจน์ ศรีประสิทธิ์

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อะดีนาลีนหลั่งที่ 7 คต


อะดีนาลีนหลั่งที่ 7 คต
Pour of Adrenaline at Jed Kod

รูปถ่ายชุดอะดีนาลีนหลั่งที่ 7 คต

เจ็ดคตเป็นทริปที่ตั้งใจไว้ว่าจะไปตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน ทำไปทำมา ก็มีอันให้ไม่ได้ไปซักที มาสัปดาห์นี้ (9 สิงหาคม 2552) ก็ได้จังหวะกะว่าจะไปกันเพียงลำพังกับน้องลี เด็กถือกล้องแค่สองคน ไม่รู้ว่าข่าวแพร่สะพัดไปเข้าหูแกงค์ร่อยหลอได้อย่างไร ก็เลยมีก๊วนอยากไปเจ็ดคดเพิ่มมาอีกเจ็ดคน รวมผมกับน้องลี เป็นเก้าคนพอดิบพอดี

เราออกเดินทางกันเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาตีห้านิดหน่อย ขับรถยนต์ตามกันมาถึง ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคต - โป่งก้อนเส้า 7 โมงเช้า
วันนี้ฟ้าไม่เป็นใจ อากาศขมุกขมัวครึ้มฟ้าครึ้มฝน มีฝนตกลงมาหยิมๆ พอให้กังวลใจ ว่าวันนี้จะได้เขาป่าหาเห็ดได้หรือไม่

ที่แรกตรงอ่างเก็บน้ำ เก็บรูปตรงนี้ได้ไม่กี่ใบ ฝนก็ทำท่าจะหนาเม็ด พวกเราก็เลย ออกสำรวจแหล่งเสบียง ไปติดต่อที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ก็รู้ว่าที่นี่มีอาหารบริการด้วย โอ้ ดีมากเลยกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่อดตายแล้ว หลังจากท้องอิ่ม พวกเราก็ไปเก็บภาพกันที่จุดชมวิว วันนี้ยังมีหมอกให้เห็น เข้าใจว่าเป็นไอชื้นของอากาศ ก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน ดูรูปสิ

พวกเราซึมซาบกับอากาศปลอดโปร่ง สบายๆ ชิวๆ ตรงจุดชมวิว ได้พอสดชื่นมื่นหัวใจ ก็หาเรื่องเข้าป่า หาซับเจ็ค ต่อจุดหมายคือน้ำตกเจ็ดคต ที่ป้ายบอกระยะทาง 1.2 กิโลเมตรถึงเจ็ดคตเหนือ
เล่นเอาผมเป็นกังวลเหมือนกันว่ากรูจะไหวไหม ก็ได้แรงเชียร์ แรงใจจากสมาชิกแก็งค์ร่อยหลอ ผมได้ใจก็ต้องจัดไปกันเลย เจ็ดตคเหนือ เจ็ดคตไหนก็ไปกัน

เดินทางผ่านเส้นทางในป่าธรรมชาติแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ก็ดีอย่าง ไม่ค่อยเหนื่อยมากนัก มารู้สึกว่าแบตที่เติมมาเมื่อเช้าจะหมดก็อีตอนจะถึงน้ำตกเนี่ยแหละ โอนี่ละนะสังขารมันไม่ใช่ของเรา เพราะมันบังคับไม่ได้

ในที่สุดก็มาถึงจนได้ "เจ็ดคตเหนือ" ได้นั้งพัก กินน้ำ สูดอากาศได้เต็มปอด ทั้ง 2 ปอดเต็มๆ ก็รู้สึกว่าเเจ้สารอะดีนาลีนหลั่งออกมา และทำให้สดชื่นมาก นี่ละ ความสุขที่สัมผัสได้จริงๆ ตรงนี้มีการ สอกแทรกเรื่องการถ่ายรูปน้ำตกให้สมาชิกแก็งค์ ฯ ได้รู้ ว่าถ่ายสายน้ำตกให้ฝุ้งต้อง ใช้สปีดชัตเตอร์ ต่ำๆ เข้าไว้ วัดแสงให้สมดุลย์ ฉะนั้นต้องหรี่รูรับแสงให้แคบๆหน่อย

พวกเราอยู่ตรงนี้กันนานหน่อยเพราะเหนื่อย สักพักเจ้าแป๊ด สมาชิกแก็งค็ ผู้ทำหน้าที่แนฝวิเกเทอร์ ก็มารายงานว่า เห็นช่องทางให้ไป เจ็ดดคตกลางแล้ว มันบอกว่า มีต้นไม้ใหญ่แผ่รากไม้อยูในลำธารอย่างงามแหล่ม มันว่าอย่างนั้น
เดือดร้อนอีกแล้วกรู คำว่าอย่างงามแหล่ม ทำให้ทั้งแกงค์สะเทือนใจอย่างแรง ต้องไปใช่ไหม ? ว่าแล้วก็ต้องเคลื่อนย้ายแก็งค์ ด่วน ทางเดินที่ไม่มีแนวทางว่าจะไปทางไหน แต่มีป้ายชี้ลงไปตามเส้นทางของน้ำไหล

แต่น้องแป๊ดบอกให้ปีนขึ้นไปข้างบน ป้ายบอกให้ลงไปข้างล่าง เอาหละ ต้องถึงทางสองแพร่งแล้ว เลือก ว่าจะเชื่อป้าย หรือเชื่อไอ้น้องแป๊ดด พวกเราทุกคนเชื่อน้องแป๊ดด ก็โอเค ถือว่าทำหน้าที่นี้ได้ดี ตรงนี้เราเก็บภาพได้นิดหน่อย
และดูว่าเส้นทางที่จะเดินต่อไปอีกหดหายไม่มีวี่แววว่าจะไปต่อได้ ถ้าไปต่อ เจ็ดคตใต้ เจ็ดคตใหญ่ พวกเราต้องแปลงกายได้ ไม่เป็นลิง ก็ต้องเป็นปลา เนื่องจากต้อง ปีนป่ายหิน หรือไม่ก็ต้องไปตามสายน้ำ หลังจากประชุมแก็งค์มติ ก็ออกมาอย่างเป็นเอกฉันท์ ว่า กลับเหอะ กรูหิวแล้ว และเหนื่อยด้วย

เราใช้เวลาเดินออกจากป่าธรรมชาติแบบเกียร์หนึ่งพึงระวัง เพราะต้องประหยัดพลังงาน อันนี้ไม่ใช่จิตสำนึกดีนะ มันหมดจริงๆ ผมออกมาจากเส้นทางธรรมชาติกลุ่มสุดท้าย เห็นสมาชิกแก็งค์ฯบางคนปูเสื่อนอนแบบหมดสภาพจริงๆ

จะอย่างไงก็ดี เจ็ดคดถือเป็นทริปที่ทำให้ อะดีนาลีนในร่างกาย ของผมและแก็งค์หร่อหลอหลั่ง และมันทำให้คนอย่างผมมีความสุขมากๆอีก 1 ทริป

ขอขอบคุณแก็งค์ร่อยหลอที่น่ารักทุกคน
ด้วยรัก
นิโรจน์ ศรีประสิทธิ์
Pour of Adrenaline at Jed Kod
Salaburi 2009 Agu.
Photo & Story : Nirot Sriprasit, nirots@cppcnet.com, nirots@hotmail.com
Web a Photo & story about Gimlung : http://gimlung.blogspot.com